หลาย ๆ ท่าน คงกำลังหา สถานที่จัดงานแต่งงาน กันอยู่ใช่ไหมคะ? ในบทความนี้ เว็บไซต์ WeddingReview เราได้เตรียม 25 คำถาม ที่คู่บ่าวสาวต้องเตรียมถามสถานที่จัดเลี้ยงงานแต่งงาน เพื่อใช้พิจารณาในการเลือก มาดูกันเลยค่ะ สถานที่จัดงานแต่งงาน ว่างในวันที่ XX เดือน XXX ตรงกับฤกษ์ของเราไหม? สถานที่จัดเลี้ยงสามารถรับรองแขก ได้กี่ท่าน มีห้องกี่แบบ จัดเลี้ยงได้แบบไหนบ้าง? ถ้าหากจัดแบบค็อกเทล สามารถวางโต๊ะ VIP ได้กี่โต๊ะ ค่าห้องหรือแพ็กเกจที่บอก มีอะไรรวมให้บ้าง? (ตกแต่ง, อาหาร, ฯลฯ) สามารถใช้ห้องได้จนถึงเวลากี่โมง? ถ้าหากใช้ล่วงเวลา มีค่าใช้จ่ายชั่วโมงละเท่าไร? หากนำวงดนตรี เครื่องเสียง และใช้ไฟตกแต่ง Backdrop หรือ แกลเลอรี่ ทางสถานที่จัดงานแต่งงานจะคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือไม่? หากจัดงานเกินเวลา สามารถจัดได้ถึงกี่โมง สถานที่จัดงานแต่งงาน มีที่จอดรถสำหรับแขกหรือไม่? หากมี จอดรถได้กี่คัน? สามารถใช้บริการอื่นนอกจากของโรงแรมได้หรือไม่? อาทิ ร้านจัดดอกไม้, ซุ้มอาหาร และอื่น ๆ หากใช้เจ้าอื่นได้ มีค่าดำเนินการหรือชาร์จเพิ่มหรือไม่? เท่าไร? ในวันงาน มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือด้านใดบ้าง? มีคนช่วยยกของ จัดมุมเช่น จัดโซฟาสำหรับยกน้ำชาหรือไม่?
หลังจากlist รายชื่อโรงแรมที่ถูกใจได้แล้ว โทรไปถามให้เร็วที่สุด โทรไปแจ้งวันที่จะจัดเพื่อถามว่าเราต้องเป็น waiting listหรือไม่ รวมถึงแจ้งจำนวนคน แล้วขอให้เค้าเมล์แพคเกจราคา ของที่โรงแรมจะให้ รวมถึงเมนูของแต่ละที่มาให้ได้มากที่สุด เก็บใส่โฟลเดอร์ไว้เปรียบเทียบจากนั้นรีบนัดเข้าไปดูสถานที่จริง ถ่ายรูปเก็บไว้แล้วก็เปรียบเทียบแต่ละที่ พอได้ที่ที่ถูกใจแล้วก็รีบวางเงินมัดจำเลย 6.
หาวงดนตรี ในงานแต่งงานจะขาดสีสันและสร้างบรรยากาศในงานไปไม่ได้เลย นั่นก็คือ พิธีกรและวงดนตรี โดยคุณอาจจะลองถามสถานที่จัดงานเลี้ยง ว่ามีวงดนตรีเตรียมไว้ให้ด้วยหรือเปล่า หรือคุณอาจจะลองหาเพิ่มเติมเพื่อเปรียบเทียบราคาก็ได้ค่ะ รวม 7 สุดยอดพิธีกรมืออาชีพ รันคิวงานสุดเลิศ ในกรุงเทพ 15. วางแผนฮันนีมูน หลังจากผ่านคืนแต่งงานแล้ว จะขาดการไปฮันนีมูนไปไม่ได้เลย คุณอาจจะต้องเริ่มวางแผนจะไปฮันนีมูนที่ไหนดี 16. วางแผนกิจกรรมพิเศษในงาน กิจกรรมที่พิเศษนอกจากลำดับงานทั่วๆ ไป เช่น เปิดฟลอร์เต้นรำ หรือจัดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เป็นต้น 6 – 7 เดือน ก่อนวันแต่งงาน 17. จองคิวช่างแต่งหน้าและทำผม เริ่มจากหาทรงผมและสไตล์การแต่งหน้าที่ตัวเองต้องการ แล้วหาช่างแต่งหน้า ช่างทำผมที่ตรงกับสไตล์เรา เมื่อได้แล้ว จองคิวเลยค่ะ ช่างแต่งหน้าเจ้าสาว เสกลุคสวยเข้าทั้งชุดไทย และชุดราตรี 18. นัดพูดคุยกับฝ่ายจัดเลี้ยง นัดพูดคุยกับฝ่ายจัดเลี้ยงของสถานที่ ทั้งงานเช้าและงานเย็น เพื่อปรึกษาเรื่องเมนูอาหาร เครื่องดื่ม รูปแบบการบริการ รวมทั้งสอบถามเรื่องเค้กแต่งงาน ว่าทางสถานที่สามารถทำเค้กแต่งงานให้ได้มั้ย เพราะถ้าไม่ได้ คุณจะต้องหาร้านที่สามารถทำเค้กแต่งงานได้ 19.
สำเนาศีลล้างบาป ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน (ขอได้ที่วัดที่รับศีลล้างบาป) 2. สำเนาการเปลี่ยนชื่อ หรือนามสกุล (หากมีการเปลี่ยน) 3. สำเนาบัตรประชาชน 4. สำเนาทะเบียนบ้าน 5. สำเนามรณะบัตรของคู่ครองเดิม (หากเคยแต่งงานมาก่อน) 6. สำเนาประกาศนียบัตรอบรมชีวิตคู่สมรส 7. รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป สำหรับผู้ที่มิได้เป็นคริสตชน 1. ใบรับรองสถานะของของฝ่ายที่มิใช่คาทอลิก (ขอแบบฟอร์มได้ที่สำนักงานโบสถ์) 2. สำเนาการเปลี่ยนชื่อ หรือนามสกุล (ถ้ามีการเปลี่ยน) 5. สำเนาบัตรประชาชนของผู้รับรอง 6. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับรอง 7. สำเนามรณบัตรของคู่ครองเดิม (หากเคยแต่งงานมาก่อน) 8. สำเนาประกาศนียบัตรอบรมชีวิตคู่สมรส 9.
หลังจากพิธีสวมแหวน บาทหลวงจะทำการประกาศต่อแขกผู้มีเกียรติ ว่าคู่บ่าวสาวเป็นสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ ผู้ร่วมจะปรบมือแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว จากนั้นบาทหลวงจะให้คู่บ่าวสาว เซ็นชื่อในใบรับรองคาทอลิกในฐานะสามี-ภรรยา โดยมีพยานที่เป็นคาทอลิกร่วมเซ็นด้วย 7. เมื่อเสร็จพิธี คู่บ่าวสาวในฐานะสามีภรรยา จะเดินออกจากโบสถ์ ระหว่างที่เดินออกจากโบสถ์นั้น แขกผู้มีเกียรติจะช่วยกันโปรยกลีบดอกไม้ตลอดทาง และเมื่อถึงด้านหน้าโบสถ์ เจ้าสาวจะโยนช่อดอกไม้ให้แก่บรรดาสาว ๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงาน นับเป็นอันเสร็จพิธี ย้อนอ่านบทความ เตรียมตัวแต่งงาน แบบพิธีคริสต์ "คาทอลิก" มีขั้นตอนอะไรบ้างนะ ได้ ที่นี่
การแต่งงานเป็นวันสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต ใครๆก็อยากจะให้งานออกมาดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด…แต่ทว่างานแต่งงานที่สมบูรณ์นั้น ก็ต้องมาจากการวางแผนเตรียมงานแต่งงานที่ดีด้วย ซึ่งเรื่องนี้แหละที่ทำให้บ่าวสาวหลายคู่ปวดหัวไปตามๆกันเพราะไม่รู้จะต้องเริ่มจากตรงไหน ต้องทำอะไรหรือแต่งงานต้องเตรียมอะไรบ้าง? เอาเป็นว่าเพื่อช่วยให้การเตรียมงานแต่งงานของคุณให้เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ทางซอสามสายจึงสรุปมาให้ 14 ขั้นตอน… 1. กำหนดวันแต่งงาน ก่อนจะวางแผนเตรียมงานแต่งงาน ก่อนอื่นจะต้องหา ฤกษ์แต่งงาน ให้ได้เสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้รู้ว่ามีเวลาในการเตรียมงานนานขนาดไหน ทั้งนี้หากเป็นฤกษ์เร่งด่วนมากๆ ก็คงเตรียมได้เท่าที่มีเวลาเหลือ แต่ถ้าสามารถเลือกฤกษ์สะดวกเองได้ ก็ควรจะต้องมีเวลาในการเตรียมงานอย่างน้อย 30 วัน เพื่อให้ทุกอย่างไม่ต้องเร่งรีบเกินไปนั้นเอง 2. กำหนดงบประมาณงานแต่ง เรื่องนี้ถือว่าสำคัญมาก ๆ เพราะก่อนเตรียมงานคุณจะต้องรู้ก่อนว่างบประมาณของคุณมีเท่าไร เพื่อที่จะได้รู้ว่าคุณควรจะจัดงานเล็ก งานใหญ่ หรือรูปแบบงานประมาณไหน ทั้งนี้หากคุณมีงบมากพอก็สามารถเนรมิตงานแต่งได้ตามใจฝัน แต่ถ้าหากคุณมีงบน้อย แนะนำให้จัดแบบพอเพียงจะดีที่สุดค่ะ ซึ่ง Saw Sam Sai Wedding Planner สามารถช่วยคุณได้ เราสามารถเนรมิตงานแต่งงานของคุณ ให้เป็นวันที่สุดพิเศษในงบประมาณที่คุณสามารถกำหนดเองได้ 3.
5 วิธีเตรียมตัว "ขอแต่งงาน" ให้โรแมนติกและซึ้งจนแฟนน้ำตาไหล หลายคนชอบมองว่าการ"ขอแต่งงาน" เป็นการสร้างภาพ เป็นการแสดง ความรัก ที่เว่อร์เกินไป (จริงๆ อิจฉากันล่ะสิ) ทั้งที่จริงๆ แล้วการ ขอแต่งงาน เป็นการแสดงความจริงใจให้ฝ่ายหญิงรับรู้ เป็นการให้เกียรติคนที่เรารัก และยังเป็นการจับจองให้ฝ่ายหญิงมั่นใจว่าจะมีงานแต่งงานในเร็ววันนี้แน่ๆ ซึ่งก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าผู้หญิงทุกคนอยากถูกขอแฟนแต่งงาน แต่สำหรับผู้ชายแล้ว การ "ขอแต่งงาน" นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งผู้ชายที่ไม่มีประสบการณ์และกำลังคิดจะขอแฟนแต่งงาน หากอยากได้ยินคำว่า "Yes, I do. " ที่ดูโรแมนติกอย่างที่เคยเห็นล่ะก็ จะต้องไม่ลืมคำแนะนำเหล่านี้ 1. ตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า "พร้อม" หรือยัง สิ่งแรกที่คุณผู้ชายจะต้องทำก่อนที่จะขอคนรัก แต่งงาน อย่างเป็นทางการก็คือการตอบคำถามตัวเองให้ได้ก่อนว่า "เราพร้อมจะใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงคนนี้ไปตลอดชีวิตแล้วหรือยัง" เพราะหลังจากที่คุณ "ขอแต่งงาน" งานแต่งงานจะเกิดขึ้นหลังจากนี้แน่นอน อาจจะเป็นภายในไม่กี่เดือนหรือ 1 ปีหลังจากนี้ คุณถึงต้องมีการวางแผนอนาคตให้กับตัวเองและคนที่กำลังจะมีเป็น "เจ้าสาว" ของคุณ ซึ่งหากว่าคำตอบของคุณคือคำว่า "ใช่" และเธอก็ "พร้อม" ด้วยเหมือนกัน ถ้างั้นก็ไม่ต้องลังเลอะไรแล้ว เดินหน้าขอแต่งงานได้เลย 2.
บ่าวสาวคู่ไหนที่กำลังปวดหัวกับการเตรียมงานแต่ง และยังไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง เพื่อให้งานแต่งที่เป็นเรื่องที่น่าจดจำในวันสำคัญของคุณออกมาดีและลงตัวที่สุด มาดูสิ่งสำคัญที่คุณต้องวางแผนและเตรียมให้พร้อมก่อนที่วันสำคัญจะมาถึง 1. หาฤกษ์แต่งงาน ก่อนจะวางแผนเตรียมงานต้องหาฤกษ์แต่งงาน กำหนดวันเวลาให้ได้เสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้รู้ว่ามีเวลาในการเตรียมงานที่แน่ชัด ฤกษ์แต่งงานนี้เป็นเพียงขั้นตอนแรกของการจัดงานแต่งงานเท่านั้น 2. กำหนดงบประมาณงานแต่ง เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญมากเหมือนกัน เพื่อที่จะได้รู้ว่าคุณควรจะจัดงานเล็ก งานใหญ่ หรือรูปแบบงานประมาณไหนว่าจะได้ช่วยตัดตัวเลือกต่างๆที่เกินงบออกไป รวมถึงไม่มีปัญหากันเรื่องเงินๆทองกันภายหน้าด้วย 3. สถานที่จัดงานแต่งงาน หลังจากที่ได้ฤกษ์แต่งงานและกำหนดงบประมาณได้แล้ว จะช่วยให้การตัดสินใจในเรื่องต่อมาง่ายขึ้น สำหรับสถานที่ ให้ใช้วิธีคุยกันของทั้งสองฝ่ายว่าอยากได้แบบไหน ใกล้บ้าน เดินทางสะดวก อาหารอร่อย โรงแรมสวย เก่าแก่อยู่มานานหรือเริดหรู 7. ถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง ปัจจุบันร้านพรีเวดดิ้งส่วนใหญ่จะมีแพ็กเกจให้บ่าวสาวได้เลือกอย่างครบครันอยู่แล้ว รวมไปถึงมีชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวไว้ให้เลือกสรรคอยู่มากมาย และยังมีบริการแต่งหน้า-ทำผมให้พร้อมในแพ็คเก็ตด้วย แต่ก่อนที่จะเลือกใช้บริการที่ไหน แนะนำให้ดูผลงานที่ทางร้านเคยถ่ายไปเสียก่อน เพื่อความมั่นใจว่าจะได้ภาพพรีเวดดิ้งที่ถูกใจนั่นเอง 8.
ติดต่อจองห้องพักสำหรับญาติ พี่น้อง เพื่อน ที่มาจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ สำหรับบ่าวสาวคู่ไหนที่มีแขกเดินทางมาจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ หรือในกรณีที่ไปจัดงานที่ต่างจังหวัด เช่น ริมทะเล หรือสถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกล ควรจะต้องเตรียมงบประมาณสำหรับติดต่อจองห้องพักเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับแขกที่จะมาร่วมงานเอาไว้ด้วย แต่ถ้าหากบ่าวสาวคู่ไหนที่ไม่มีงบประมาณเกี่ยวกับส่วนนี้ ก็ควรบอกกล่าวกับแขกที่มาร่วมงานให้ช่วยจองห้องพักเองเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งนี้ก็เพื่อที่แขกมาแล้วจะได้มีที่พัก ไม่ต้องมาวุ่นวายหาทีหลังนั่นเอง 14.
Capture the Moment - จองคิวตากล้อง ตากล้องคิวแน่นพอๆกับช่างแต่งหน้า ทำผมเลยค่ะ รีบจองคิวไว้ก่อนแต่เนิ่นๆนะคะ 8. What will be 'Your Story' (Theme)?
Sitemap | ลำโพง กลางแจ้ง Jbl มือ สอง, 2024